วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนดีที่สุด?




ทราบหรือไม่ว่าการดื่มน้ำก็ต้องมีเวลาที่ดื่มแล้วให้ประโยชน์สูงสุดเหมือนกัน วันนี้เรามีเรื่องนี้มาฝาก...


- ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ


- ตอนสายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชำระของเสียเหล่านั้นออกไป


- ตอนบ่ายๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)


- ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม)


- ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น



** การดื่มน้ำเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย และก็ควรดื่มให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดี


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

“อาหาร” เสริมสมอง บำรุงประสาท




สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญยิ่งในร่างกายมนุษย์ การบำรุงสมอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม ซึ่งอาหารที่เราทานอยู่ทุกวันนี้ คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารประเภทใดที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงสมอง ประเภทใดที่ส่งผลร้ายต่อสมอง


กินแป้งมากนัก...สมองเฉื่อย นักวิจัยด้านอาหาร กล่าวว่า คนที่ชอบรับประทานขนมขบเคี้ยวในปริมาณมากๆ อาจมีผลทำให้ได้รับอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมาก หากไม่อยากสมองทึบหรือมีอาการง่วงเหงาหาวนอนบ่อย จึงควรลดอาหารประเภทแป้งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโดนัท เค้ก กล้วยทอด มันทอด รวมทั้งไอศกรีม ทำใจแข็งเลี่ยงได้ควรเลี่ยงเสีย นอกจากนี้ ขณะท้องว่างแทนที่จะง่วนอยู่กับของขบเคี้ยวประเภทแป้งดื่มนมสักแก้ว จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น สารเคมีในสมองมีอยู่หลายชนิด แต่ที่จะกล่าวถึง คือ เซโรโทนิน (Serotonln) ที่ทำให้สมองสงบ ลดความตื่นเต้น และโดพามีน (Dopamine)

ผลไม้กับถั่ว...แหล่งแร่ธาตุที่สำคัญตัวหนึ่งคือ โบรอน (Boron) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกระแสประสาทของสมอง ถ้าร่างกายได้รับธาตุโบรอนเสริมจากผลไม้หรือถั่ว จะช่วยให้สมองทำงานฉับไวขึ้น
โบรอนพบมากในถั่งเปลือกแข็งทั้งหลาย เช่น เกาลัด แมดคาเดเมีย รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดำ นอกจากนี้ผลไม้ไทย เช่น องุ่น พุทรา ฝรั่ง ชมพู่ก็มีสารโบรอนมากเช่นกัน

ปลาทะเลก็เป็นสารอาหารสุดยอดเพื่อสมอง โดยเฉพาะแร่ธาตุสังกะสีและไอโอดีนที่สมองขาดไม่ได้ นอกจากนี้ไขมันของปลาทะเลหลายชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลากะพง ปลาโอ ยังมีกรดไขมัน ดีเอชเอ (DHA หรือ Docoda Hexaenoic Acid) อยู่ไม่น้อย ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสมอง จะเป็นผลดีมากสำหรับเด็กซึ่งสมองกำลังพัฒนา หากได้รับประทานปลาทะเลในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สารเคมีทั้งสองชนิดนี้ จะทำงานร่วมกัน ความสมดุลของสารเคมีทั้งสองจึงมีความสำคัญต่อความคิด ความอ่าน และอารมณ์ของคนเราอย่างมาก อาหารที่เรารับประทานจะเป็นตัวสร้างและปรับสมดุลสารเคมีทั้งสองชนิดนี้


ไขมัน...อาหารที่ควรเลี่ยง อาหารที่มีไขมันสูง ประเภททอดน้ำมันท่วมทั้งหลาย หนังไก่ หรือสะเต๊ะหมูติดมัน ฯลฯ จัดเป็นอาหารกลุ่มที่ย่อยได้ช้า ซึ่งร่างกายอาจต้องใช้พลังงานไปกับการย่อยอาหารประเภทนี้มากเกินความจำเป็น ทำให้เหลือพลังงานที่จะแบ่งปันให้สมองได้น้อยลง

ไข่...ยอดอาหารโปรตีนราคาไม่แพง แถมช่วยทำให้สมองโปร่งสดชื่น เพราะไข่มีโปรตีน ทั้งนี้ไข่ไก่ให้คุณค่าโปรตีนมากกว่าเครื่องดื่มบรรจุขวดประเภทซุบไก่สกัดหรือรังนกที่มีราคาแพง อีกทั้งยังย่อยง่าย และมีสารเลซิติน ซึ่งมีวิตามินบีที่ชื่อว่า โคลีน (Choline) ช่วยในการทำงานของระบบประสาท
หากรับประทานอาหารได้ตามนี้ ยาตำรับไหนก็สู้ไม่ได้ รับรองว่านอกจากร่างกายแข็งแรงแล้วสมองยังแข็งแกร่งด้วย

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[[กล้อง]] เขย่าโลก ?



[[กล้อง]] เขย่าโก ?
"กล้องป๊อกแป๊ก"
สิ่งที่หลงเหลือจากการล่มสลายขอโลกคอมมิวนิสต์สู้การสร้างความคลั่งไคล้ให้เกิดกับผู้คนทั่วโลก
"LOMO"



กล้องโลโม่รุ่น Lomo kompakat LC-A


โลโมกราฟี (อังกฤษ: Lomography) เป็นเครื่องหมายการค้าของ Lomographische AG ประเทศออสเตรีย สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ. โดยได้ซื้อสิทธิ์การใช้ชื่อมาจากโลโม (LOMO PLC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเลนส์ของรัสเซีย. กล้อง 35 มม. LOMO LC-A ถูกโปรโมตโดยผู้ที่ชื่นชอบในงานแสดงภาพต่าง ๆ ทั่วโลก

กล้องโลโม่รุ่นต่างๆในปัจจุบัน

ประวัติ กล้องเขย่าโลก [LOMO]

เดิมทีกล้องโลโม่ออกแบบมาเพื่อใช้ในหน่วยงานสายลับของกองทัพรัสเซีย โดย LOMO ย่อมาจาก Leningrad Optical Machinery Organization ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตเลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกองทัพและผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2526 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น มีคำสั่งให้หน่วยงาน LOMO ผลิตกล้องเลียนแบบกล้องคอมแพคท์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด ถูกที่สุดและมากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้พลเมืองรัสเซียทุกคนได้รู้จักการถ่ายรูป โดยมีคำขวัญว่า "คอมมิวนิสต์อันทรงเกียรติทุกคนควรมีกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A เป็นของตัวเอง" โดยผู้ผลิตกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A คือ Michail Aronowitsch Radionov อดีตสายลับ KGB
ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2534 Matthias Fiegl และ Wolfgang Stranzinger หนึ่งในผู้บริหารบริษัท Lomographische AG เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองปรากสาธารณรัฐเช็ก แต่ลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงไปซื้อและได้รู้จักกับกล้อง Lomo Kompakt Automat โดยบังเอิญ และหลังจากได้ถ่ายและล้างรูปจากร้านล้างรูปธรรมดาในซุเปอร์มาร์เก็ต ผลออกมา พบว่าภาพถ่ายมีสีสันจัดจ้านดูผิดเพี้ยน แต่มีความสวยงามจนทำให้พวกเขาได้หลงใหลกับภาพที่ปรากฏขึ้น และในปี 2535 Fiegl และเพื่อนได้จัดตั้งบริษัท Lomographische AG ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากนั้นไม่นานกระแสความนิยมในโลโม่กระจายไปทั่วโลก ภายใต้แนวความคิดว่า "Lomography is an analog lifestyle product"

เอกลักษณ์

โลโมกราฟีเน้นการถ่ายภาพจากระดับเอว การใช้สีจัดเกิน สิ่งปนเปื้อนบนเลนส์ และจุดตำหนิอย่างจงใจ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นศิลปะ เป็นนามธรรม เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพโลโมกราฟีนิยมชมชอบ. ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้กล้องโลโมเป็นที่นิยมสำหรับการพกพา และใช้บันทึกภาพในชีวิตประจำวัน. นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายในที่ ๆ มีแสงน้อยได้ ทำให้มันเป็นที่นิยมสำหรับการภาพทีเผลอ (แคนดิด) การรายงานด้วยภาพ และภาพเหตุการณ์จริง (photo vérité, คำว่า vérité เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ความจริง)คุณสมบัติของโลโมแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น Holka และ Diana เป็นกล้อง Medium Format, Actionsampler และ Supersampler สร้างภาพได้หลายเฟรมหลายแอคชั่นในการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว, Pop- 9 จะให้ภาพซ้ำแบบ Pop Art, Colorsplash มีแฟลชที่เปลี่ยนสีได้, Fisheye ลักษณะภาพจะดูนูน ขอบรูปวงกลม ดีไซน์กล้องที่ดูกึ่งๆ คลาสสิก, LC-A+ มีการ Recite ในเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นกล้องโลโม่รุ่นแรกตั้งแต่สมัยสายลับรัสเซีย

คติของโลโมกราฟีคือ

"ไม่ต้องคิด ถ่ายไปเลย" ("don't think, just shoot")
กฎ 10 ข้อ ของโลโมกราฟี
1.พกกล้องโลโมของคุณไปทุกที่
2.ใช้มันตอนไหนก็ได้ - ทั้งกลางวันและกลางคืน
3.โลโมกราฟีไม่ใช่สิ่งสอดแทรก, แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ
4.ถ่ายจากเอว
5.เข้าใกล้วัตถุที่คุณต้องการความโลโม ให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้
6.ไม่ต้องคิด
7.ทำให้เร็ว
8.คุณไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะถ่ายได้อะไรในฟิล์ม
9.และคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หลังจากถ่าย เช่นกัน
10.ไม่ต้องห่วงเรื่องกฏหรอก

ปัจจุบันแบรนด์โลโมค่อย ๆ เจริญเติบโต จนมีสังคมทางเว็บไซต์ ด้วยอาศัยสมรรถนะของเทคโนโลยี 2.0 ที่ผู้ใช้สามารถทำให้ฐานชุมชนของแบรนด์เติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเอง ที่สามารถให้อับโหลดภาพฟรี การโพสต์ข้อเขียน ยังมีการใช้กลยุทธ์การบริหารงานผ่านเครือข่ายตั้งแต่ระดับโลกผ่านเว็บไซต์ lomography.com และในระดับภูมิภาคเอเชียกับ lomographyasia.com ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ขณะเดียวกันยังมีการทำตลาดแบบโลคอล ตามหัวเมืองหลักๆ ของโลกกว่า 70 แห่ง ซึ่งแต่ละประเทศในระดับท้องถิ่นมีการจัด ประกวดภาพถ่าย การทำ Workshop การจัดLomo trip การให้บริการหลังการขาย หรือหากเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ถือสัญชาติ Lomographer สามารถใช้กล้องเป็นวีซ่า เพื่อเข้าไปขอคำปรึกษาในด้านต่างๆ ได้ เช่น การหาร้านอัดภาพในประเทศนั้นๆ ปัญหาในการใช้กล้อง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมของสาวกโลโม่ทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุด ในงาน Lomo World Congress ซึ่งล่าสุดจัดขึ้นที่ลอนดอน
ส่วนในประเทศไทยมีการก่อตั้งสมาคม Lomography ประเทศไทย ซึ่งเคยมีการจัดงานร่วมกับ“ไทเกอร์เบียร์” นำไปใช้ในการจัดงาน “Tiger Translate” กิจกรรมใหญ่ ดนตรี ศิลปะ กับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
แม้อาจจะเป็นสิ่ง "เก่า" ที "ใหม่" ในบางประเทศแต่มันก้สามารถทำให้ผู้คนหลงไหลกันทั่วหน้า