วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 อันดับเมืองน่าอยู่ของเอเชีย



ผล สำรวจประจำปี เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 ของบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ อีซีเอ อินเตอร์เนชันแนล แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (ECA International’s Location Ratings Survey rates living standards) โดยวัดจากปัจจัยต่าง ๆ

รวมถึง โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน สภาพภูมิอากาศ คุณภาพอากาศ บริการด้านสาธารณสุข ที่พักอาศัย และความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ฯลฯ ในรอบปี ที่ผ่านมาสิงคโปร์ยังรั้งอันดับ 1 เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน จากคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น อัตราการเกิดอาชญากรต่ำ การบริการสาธารณสุข การบริการและโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี


-อันดับ 1 สิงคโปร์

-อันดับ 2 เมืองโกเบของญี่ปุ่น

-อันดับ 3 เมืองโยโกฮามาของญี่ปุ่น

-อันดับ 4 กรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น

-อันดับ 5 เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน

-อันดับ 6 กรุงไทเป เมืองหลวงไต้หวัน

-อันดับ 7 เขตปกครองพิเศษมาเก๊าของจีน

-อันดับ 8 กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงมาเลเซีย (ปีที่แล้วอันดับ 9)

-อันดับ 9 กรุงเทพฯ (ปีที่แล้วอันดับ 8)

-อันดับ 10 เมืองจอร์จทาวน์ บนเกาะปีนังของมาเลเซีย

-อันดับ 11 นครเซี่ยงไฮ้ของจีน

-อันดับ 12 กรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้


สำหรับ การจัดอันดับในระดับโลกใน topten ได้แก่ สิงค์โปร์ โกเบ โยโกฮามา โตเกียว ซิดนีย์ เมลเบร์น โคเปนเฮเกน แคนเบอรร่า แวนคูเวอร์ และ เวลลิงตัน

ฮ่องกง อยู่ในอันดับที่11,ซานฟรานซิสโกอันดับที่16, วอชิงตันอันดับที่25, ลอนดอนอันดับที่ 41, โรมอันดับที่46 ส่วนกรุงเทพอยุ่ในอันดับที่ 63 จากสถานที่ในการสำรวจ 400 อันดับทั่วโลก

ข้อสังเกตคือ หลายเมืองที่ติดอันดับ เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าการลงทุน และบางเมืองยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ อาทิเช่น โรงกลั่นน้ำมันในสิงค์โปร์ โรงถลุงเหล็ก เขต Keihin ของเมืองโยโกฮาม่า และ เขตอุตสาหกรรมต่อเรือในเมือง โกเบ เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

♣ 10 อันดับภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุด ♣


อันดับ 1 Basque

ภาษา บาสก์เป็นภาษาที่พูดโดยชาวบาสก์ซึ่งอาศัยอยู่แถบเทือกเขาพีเรนีสในตอนกลาง ของภาคเหนือของประเทศสเปน รวมทั้งในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสที่มีอาณาเขตติดต่อกัน หรือลึกลงไปกว่านั้นคือ ชาวบาสก์ได้ครอบครองแคว้นปกครองตนเองที่มีชื่อว่าแคว้นปกครองตนเองบาสก์ (Basque Country autonomous community) ซึ่งมีวัฒนธรรมและอิสระในการปกครองตนเองทางการเมือง นอกจากนี้ก็ยังมีชาวบาสก์ที่อยู่ในเขตนอร์เทิร์นบาสก์ในฝรั่งเศสและแคว้น ปกครองตนเองนาวาร์ในสเปนอีกด้วย ชื่อเรียกภาษาบาสก์อย่างเป็นทางการ (ในภาษาตนเอง) คือ เออุสการา (euskara) ส่วนในรูปภาษาถิ่นอื่น ๆ ได้แก่ เออุสเกรา (euskera) เอสกูอารา (eskuara) และ อุสการา (üskara) แม้ว่าในทางภูมิศาสตร์จะถูกล้อมรอบด้วยภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน แต่ภาษาบาสก์กลับจัดเป็นภาษาโดดเดี่ยว (language isolate) ไม่ใช่ภาษาในตระกูลดังกล่าว




อันดับ 2 Hungarian

ภาษา ฮังการีเป็นภาษากลุ่มฟินโน-อูกริกที่พูดในประเทศฮังการีและในประเทศเพื่อน บ้านคือ โรมาเนีย สโลวาเกีย ยูเครน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โครเอเชีย ออสเตรีย และสโลวีเนีย (ทั้งหมดเป็นประเทศที่ฮังการีได้สูญเสียดินแดนให้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) มีคนพูดภาษาฮังการีประมาณ 14.5 ล้านคน มี 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในฮังการี และมีชนพื้นเมืองฮังการี ประมาณ 1,434,377 คนที่อาศัยอยู่ในโรมาเนีย โดยมีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในพื้นที่ทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย

อันดับ 3 Chinese

แน่นอนว่าภาษาจีนเป็นอีกภาษาที่ยากที่สุดในโลก หากแต่กระนั้นมันมีความสำคัญต่อโลกเหมือนกันเพราะประชากรประมาณ 1/5 ของโลกพูดภาษาจีนแบบใดแบบหนึ่งเป็นภาษาแม่ ทำให้เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุด (สำเนียงพูดที่ถือเป็นมาตรฐาน คือ สำเนียงปักกิ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาษาแมนดาริน)และเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ (ร่วมกับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษาสเปน) แน่นอนความยากของภาษาจีนนั้นก็คือออกเสียงยาก เขียนยากอีกทั้งมันมีหลายแบบ หลายสำเนียง เช่น จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง แถมอักษรยังมีสองแบบคืออักษรจีนตัวเต็ม และ อักษรจีนตัวย่อ




อันดับ 4 Polish

ภาษาโปแลนด์ คือภาษาทางการของประเทศโปแลนด์ มีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ของโปแลนด์ ในปัจจุบันจากภาษาท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะที่พูดใน Greater Poland และ Lesser Poland ภาษาโปแลนด์เคยเป็นภาษากลาง ในพื้นที่ต่างๆ ของยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เนื่องจากอิทธิพลทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการทหารของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย ในปัจจุบันภาษาโปแลนด์ไม่ได้ใช้กันกว้างขวางเช่นนี้ เนื่องจากอิทธิพลของภาษารัสเซีย อย่างไรก็ดี ยังมีคนพูดหรือเข้าใจภาษาโปแลนด์ในพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกของยูเครน เบลารุส และลิทัวเนีย เป็นภาษาที่สองและคนอพยพจากประเทศโปแลนด์ที่อาศัยในพื้นที่ในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ส่วนความยากนักคงเป็นที่ตัวอักษรที่ยากต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ที่ยุ่ง ยากพอสมควร

อันดับ 5 Japanese

ภาษา ญี่ปุ่น เป็นภาษาทางการ ของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกราว 130 ล้านคน นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว รัฐอังกาอูร์ สาธารณรัฐปาเลา ได้กำหนดให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางการภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังถูกใช้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปอยู่นอกประเทศ นักวิจัยญี่ปุ่น และนักธุรกิจต่าง ๆ คำภาษาญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีน ที่ได้นำมาเผยแพร่มาในประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็ได้มีการยืมคำจากภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาจีนมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน เช่นคำที่มาจากภาษาดัตช์ สาเหตุที่ภาษานี้มีความยากจนเรียกได้ว่าถึงขั้นพิสดารอันเนื่องมาจากคน ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีพิธีรีตองมาก ดังนั้นคำภาษาญี่ปุ่นจึงอักษรถึง3แบบ แบ่งคำศัพท์สำหรับใช้กับเพื่อน คนในครอบครัว อาจารย์เป็นต้น บางตัวไม่สามารถอธิบายได้ต้องจำเอาเอง ถือว่าเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ยิ่งเป็นอักษรคันจิยิ่งไปใหญ่ ขนาดคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็แทบแย่เหมือน



อันดับ 6 Russian

ภาษา รัสเซีย เป็นภาษากลุ่มสลาวิกที่ใช้เป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางที่สุด ภาษารัสเซียจัดอยู่ในกลุ่มอินโด-ยูโรเปียน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับภาษาสันสกฤต ภาษากรีก และภาษาละติน รวมไปถึงภาษาในกลุ่มเจอร์เมนิก โรมานซ์ และเคลติก (หรือเซลติก) ยุคใหม่ ตัวอย่างของภาษาทั้งสามกลุ่มนี้ได้แก่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไอริชตามลำดับ ส่วนภาษาเขียนนั้นมีหลักฐานยืนยันปรากฏอยู่เริ่มจากคริสต์ศตวรรษที่ 10ในปัจจุบัน ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีการใช้นอกประเทศรัสเซียด้วย มีเอกสารทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย รวมทั้งความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีความสำคัญทางการเมืองในยุคที่สหภาพโซเวียตเรือง อำนาจและยังเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ และเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากต่อการทำความเข้าใจ สับสน วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเขียนหรือการอ่านออกเสียง

อันดับ 7 German

ภาษาเยอรมัน หรือด๊อยช์ เป็นภาษากลุ่มเจอร์เมนิกด้านตะวันตก และเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดในสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่พูดในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ ส่วนมากของสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก แคว้นปกครองตนเองเตรนตีโน-อัลโตอาดีเจในอิตาลี แคว้นทางตะวันออกของเบลเยียม บางส่วนของโรมาเนีย แคว้นอัลซาซและบางส่วนของแคว้นลอร์แรนใน ฝรั่งเศส นอกจากนี้ อาณานิคมเดิมของประเทศเหล่านี้ เช่น นามิเบีย มีประชากรที่พูดภาษาเยอรมันได้พอประมาณ และยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเยอรมันในหลายประเทศทางยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย ฮังการี และสโลวีเนีย รวมถึงอเมริกาเหนือ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) รวมถึงบางประเทศในละตินอเมริกา เช่น อาร์เจนตินา และในบราซิล ภาษาเยอรมัน จะว่ายาก..มันก็ยาก เพราะมีการแบ่งเพศในคำนามสิ่งของที่มีอยู่ในโลกนี้ 3 เพศ เช่น เวลา หรือ นาฬิกา นั้นเป็นเพศหญิง เครื่องดื่มที่เป็นแอลกฮอลล์ทุกชนิด ยกเว้นเบียร์ ถือว่าเป็นเพศกลาง เป็นต้น(มันคิดได้ไงว่ะเนี้ย) นอกจากนี้ยังยากตรงไวยากรณ์ เพราะมีข้อยกเว้นมาก และยากที่จะพูดให้คล่องโดยถูกหลักไวยากรณ์ เพราะคำกริยาบางทีก็อยู่ข้างหลังประโยค นอกจากนี้คำกริยาและคุณศัพท์ยังต้องผันตามเพศของคำนามอีก




อันดับ 8 Korean

ภาษา เกาหลี เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ใน จังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ภาษาตระกูลอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV) แม้ว่าภาษาเกาหลีจะมีตัวอักษร กับสระเพียงไม่กี่ตัวที่ต้องจำ(อักษร 19 + สระ 21) หากแต่ว่าไวยกรณ์ของเกาหลียากมาก ต้องจำกฎสารพัด กว่าจะเข้าใจและสามารถเขียนและอ่านได้


อันดับ 9 English

ภาษา อังกฤษ เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตก มีต้นตระกูลมาจากอังกฤษ เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่อง จากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี สาเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากโดยรวมเนื่องจาก เป็นภาษาที่ใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน


อันดับ 10 Swahili

ภาษา สวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น แทนซาเนีย เคนยา ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก-กินชาซา โซมาเลีย คอโมโรส (รวมมายอต) โมซัมบิก และมาลาวี ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป็นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ ว่ากันว่า การเรียนภาษาสวาฮิลีเป็นสิ่งท้าทายที่สุด

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

'ไซลิทอล'ตัวช่วยป้องกันฟันผุ




ชื่อของ "ไซลิทอล" เป็นที่คุ้นหูอยู่ในแวดวงของคนรักปากและฟันมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะเวลานี้ไม่ว่าผลิตภัณฑ์อะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพปากและฟันจะมีชื่อของสารตัวนี้ร่วมอยู่ด้วยเสมอ แล้วไซลิทอลมีประโยชน์อย่างไร


ดร.ท.ญ.สร้อยศิริ ทวีบูรณ์อาจารย์ประจำคณะทันตแพทยศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสารไซลิทอลให้ข้อมูลว่า

สารไซลิทอลเริ่มเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและอเมริกา เพราะมีการค้นคว้าวิจัยถึงประสิทธิภาพของไซลิทอลที่สามารถยับยั้งแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุได้ ปัจจุบันมีการนำสารไซลิทอล มาใช้เป็นส่วนประกอบของยาน้ำยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปากหลายชนิด นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสารให้ความหวานในขนมลูกอม รวมทั้งหมากฝรั่งกันมากขึ้น เพราะเป็นสารให้ความหวานธรรมชาติที่มีรสชาติคล้ายน้ำตาล และยังให้พลังงานต่ำกว่าถึงร้อยละ 40

สารไซลิทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ธรรมชาติชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้ในพืชผัก และผลไม้หลายชนิด อาทิ ต้นเบิร์ช สตรอว์เบอรี่รวมไปถึงผลไม้เปลือกแข็ง เช่น ถั่วเชสต์นัต และถั่ววอลนัต

จุดเด่นของสารชนิดนี้ คือ เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่มีคาร์บอน 5 อะตอมในโครงสร้าง มีรสชาติหวานเหมือนน้ำตาล ซึ่งกลุ่มแบคทีเรียในช่องปากต้นเหตุสำคัญของการเกิดฟันผุไม่สามารถย่อยสลาย มาเป็นอาหารได้ ดังนั้นเมื่อไม่สามารถดึงไซลิทอลมาเป็นอาหารได้ แบคทีเรียกลุ่มนี้ก็จะค่อย ๆ ลดจำนวนลง จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า การใช้ไซลิทอลเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยลดปัญหาฟันผุได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันฟันผุที่ดีที่สุด คือ การแปรงฟันอย่างถูกวิธีภายหลังการรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารที่จะเพิ่มความเป็นกรดในช่องปาก เช่น น้ำตาล น้ำอัดลม ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สุดยอด ผัก ผลไม้บำรุงสายตา




อาหารเพื่อบำรุงสมองนั้น เราทุกคนเคยทานและคุ้นเคยมากกว่าอาหารเพื่อบำรุงดวงตาหรือสายตา

อาหารเพื่อบำรุงดวงตาและสายตาไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราน่าจะลองมาทำความรู้จัก ผักและผลไม้เหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น และควรหามาบริโภคเป็นประจำ เราก็จะสามารถช่วยให้ดวงตาของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีและมองดูสดใสอยู่ตลอดเวลา

ผลแอปริคอท
ผลแอปริคอทมันหวาน แคนตาลูป และน้ำเต้านั้น อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นตัวช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยบำรุงสายตา และช่วยในการป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก

ผักเคล หรือ กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม
เคล กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม ผักขม หัวผักกาดเขียวและบล็อคโครี่นั้น มีคุณประโยชน์ คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส มีเบต้าแคโรทีน และยังช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็ง มีแคลเซียม วิตามินซี และเส้นใยอาหารสามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้อีกด้วย

ถั่วสีน้ำตาลแดง
ถั่วสีน้ำตาลแดง นั้นเพรียบพร้อมไปด้วยสังกะสีที่ดีต่อสายตา อีกทั้งวิตามินเอก็เป็นส่วนช่วยปกป้องเยื่อชั้นในของลูกตา

ส้ม
วิตามินซีที่พบได้ในผักและผลไม้ เช่น ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวานนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มนั้นยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัด และนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายอีกด้วย

ถั่วชนิดต่างๆ
อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวันและเฮเซิลนัต อุดมไปด้วยวิตามินอี และมีคุณประโยชน์มากมายในการช่วยป้องกันสายตา วิตามินอีเป็นที่รู้จักกันว่า เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ให้ผลในการป้องกันการทำลายของเซลล์ และยังช่วยในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ ที่อวัยวะต่างๆ เช่น เซลล์ของตา ตับ เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งานของอวัยวะเหล่านี้นานขึ้น

ปลาแซลมอน
เนื้อปลาแซลมอนนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ที่สามารถช่วยปกป้องจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของโรคตาและยังสามารถช่วยลดอากาตาแห้งได้อีกด้วย

โฮลเกรน ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี
โฮลเกรน คือ ธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย นั้นมีเส้นใยอาหารสูง โดยเฉพาะข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง งา ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ที่อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินบีรวม แร่ธาตุต่างๆ และใยอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ เสริมสร้างระบบประสาทและเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงสมบูรณ์

จากงานวิจัยได้ค้นพบว่าการเกิดของโรคจอประสาทตาเสื่อมมาจากค่าดัชนีน้ำตาลที่สูงอีกทั้ง Macular หรือจุดกลางรับภาพจอประสาทตานั้นเป็นส่วนที่ไวต่อการมองเห็นมากที่สุด ดังนั้นการบริโภคธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยให้การเกิดของโรคจอประสาทตาเสื่อมลดลงได้ถึง 8%

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทองคำ 1 ตำลึง หนักเท่าไร



มาตรวัดของไทย กำหนดว่า 4 สลึง เท่ากับ 1 บาท , 4 บาท เท่ากับ 1 ตำลึง

ในสมัยราชวงศ์ซ่ง 1 ตำลึง เท่ากับ 10 สลึง มีค่าน้ำหนัก เท่ากับ 38.11 กรัม
เรียกว่า " ต้าซือหม่าเหลียง "

เพราะฉะนั้น 1 สลึง จึงเท่ากับ 3.811 กรัม

เท่ากับว่า ทองคำ 1 บาท มีน้ำหนัก 3.811 X 4 = 15.244 กรัม
แต่ น้ำหนัก 1 ตำลึงปัจจุบันถูกเปลี่ยน เป็น 37.5 กรัม เนื่องจาก สมัยราชวงศ์ชิง
ประสพกับปัญหาด้านเศรษฐกิจ เงินคงคลังพร่องลง หนี้สินมาก แต่เพื่อคงค่าเงิน
ตำลึงเอาไว้ ที่ต้องใช้จ่ายหรือชำระหนี้ จึงต้องลดค่าลง เรียกว่า

" เสี่ยวซือหม่าเหลียง " (เทคนิคนี้ในปัจจุบันอาจเรียกว่า เป็น การลดค่าเงินลง)

ซึ่ง น้ำหนักทอง ต้องลดลงตามไปด้วย

ทุกวันนี้ 1 ตำลึง = 37.5 กรัม ส่วนใหญ่ ใช้ชั่งของเบา และมีราคาแพง เช่น ใบชา,
ยาจีน ฯลฯ

ตามมาตรฐานสากล ทองคำ 1 ตำลึง = 1 ออนซ์ = 31.104 กรัม
และ น้ำหนักทอง 1 บาท = 15.160 กรัม